บทที่ 2 ตอนที่ 2
“เราน่าจะเอามันไปขายนะแม่... พ่อของคุณศักดิ์ที่หนูกำลังคบอยู่นี่เขาชอบกินเด็กๆ รับรองเราได้อื้อซ่าแน่ ดีไม่ดี หากนังอรมันเอาใจเก่งๆ พวกเราสบายกันทั้งชาติ...”
รุจิราออกความคิดชั่วร้าย ด้วยความเกลียดอรลออเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงอยากจะให้อรลออตกต่ำถึงที่สุดเท่าที่จะต่ำได้
นางราณีทำตาโต ก่อนจะร้องถามออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “จริงเหรอยายรุ เขาอยากได้จริงๆ เหรอ แม่จะได้จัดการให้”
“แล้วมันจะยอมหรือคะแม่...”
นางราณียิ้มเยาะ “ไม่ยอมแม่ก็จะทำให้มันยอมเองแหละ แกลองไปติดต่อเขาสิ ถ้าเขาสนใจ แม่เรียกสองแสนนะ สำหรับครั้งแรก...”
ผู้เป็นลูกสาวหัวเราะร่วน “แม่ทำเหมือนแม่เล้าจังเลยค่ะ นี่จะเป็นนายหน้าขายเนื้อสดเหรอคะ”
“ก็ขายนังอรคนเดียวนี่แหละ...”
สองแม่ลูกหัวเราะชอบใจ ก่อนที่รุจิราจะพูดขึ้น “แต่นังอรคนเดียวเราก็กินได้นานแล้วล่ะแม่ เดี๋ยวพ่อคุณศักดิ์เบื่อ เราก็เอามาใส่ตะกร้าล้างน้ำ ยกเครื่องเสียใหม่ แล้วก็เอาไปขายกับเสี่ยเงินหนาคนอื่น แม่ว่าดีไหม...”
มืออวบของนางราณีตบเข้าหากันเสียงดัง
“ดีเสียยิ่งกว่าดีอีก เอาตามนี้เลย แม่ฝันอยากจับเงินแสนมานานแล้ว ตั้งแต่พ่อแกตายไป แม่ก็ไม่เคยได้หยิบมันอีกเลย พูดแล้วมันคันมือจริงๆ...”
“คันมืออยากเล่นไพ่น่ะสิ แม่ก็เป็นซะอย่างนี้ เล่นแล้วเสียทุกที จนต้องขายบ้าน...”
ผู้เป็นลูกสาวบ่นอุบ ขณะลุกขึ้นยืน
“เอาน่า... อย่าพึ่งมาทำให้แม่อารมณ์เสียเลย ตอนนี้กำลังอารมณ์ดีเพราะมีแหล่งเงินทุนใหม่ ไปจัดการติดต่อให้เรียบร้อยเลยนะ แม่จะรอฟังข่าว”
รุจิกายิ้มร้ายกาจ
“รอฟังข่าวดีได้เลยค่ะ รับรองว่านังอรได้มีผัวแก่คราวนี้นี่แหละ...”
นางราณีมองตามร่างสมส่วนของลูกสาวที่เดินขึ้นบันไดบ้านไปด้วยสายตากระหยิ่มยิ้มย่อง ความจริงหล่อนน่าจะจับนังอรลออขายให้กับผู้ชายรวยๆ ตั้งนานแล้ว ไม่น่าโง่เง่ามาตั้งนมนานแบบนี้เลย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
อรลออยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งด้วยความปวดใจ หล่อนไม่เคยมีความสุขยามอยู่ใกล้สองแม่ลูกนี่เลย พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางให้หล่อนเจ็บช้ำน้ำใจ กลั่นแกล้งทุกอย่าง และหล่อนเองก็โง่พอจะก้มหน้ารับกรรมโดยไม่คิดตอบโต้
‘น้าฝากดูแลคุณราณีกับรุจิราด้วยนะ อร... พวกเขาคงไม่มีทางอยู่บนโลกใบนี้ได้ หากไม่มีใครดูแล’
และนี่คือคำพูดสั่งเสียก่อนตายของน้าอยุธ ผู้มีพระคุณเพียงคนเดียวในโลกนี้ของหล่อน และมันก็คือเหตุผลว่าทำไมหล่อนถึงไม่ยอมออกไปจากขุมนรกขุมนี้สักที
“นังอร... ฉันอยากกินโจ๊ก ไปซื้อมาให้ฉันกินหน่อยสิ...”
เสียงตะโกนจากในห้องของรุจิราตอนสิบโมงเช้าทำให้สาวน้อยสะดุ้งตกใจ ต้องรีบกุลีกุจอเข้าไปในบ้าน และค่อยๆ เอ่ยเสียงสั่น
“สิบโมง... โจ๊กไม่มีแล้วค่ะ... พี่รุ...”
“ฉันจะกิน แกไปหามาให้ได้นะ ไม่อย่างนั้นแกถูกตบเลือดกบปากแน่...!”
เสียงเดือดดาลของรุจิราดังออกมาจากห้อง อรลออหน้าซีดเผือด มือไม้สั่นเทารีบลนลานรับปากออกไปอย่างรวดเร็ว
“ค่ะ... ได้ค่ะ เดี๋ยวอรจะออกไปหาซื้อให้พี่รุ...”
รีบวิ่งออกมาจากบ้านหน้าตาตื่น และก็ต้องล้มไปกองกับพื้นเมื่อชนกับบุรุษไปรษณีย์วัยกลางคนที่เดินเข้ามาพอดี
“แม่หนูอยู่บ้านนี้ใช่ไหมครับ...”
อรลออรีบพยักหน้าตื่นๆ ซีดๆ รับ “ค่ะ หนูอยู่บ้านหลังนี้ คุณลุงมีจดหมายมาส่งหรือคะ”
มือสีคล้ำส่งซองจดหมายสีน้ำตาลขนาดใหญ่ให้ตรงหน้า หญิงสาวค่อยๆ เอื้อมมือไปรับมาถือเอาไว้ ขณะก้มมองซองจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงคุณน้าราณีของหล่อนชัดเจน
“เซ็นชื่อตรงนี้ด้วยแม่หนู...”
บุรุษไปรษณีย์ส่งปากกาและกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้เซ็นชื่อ หญิงสาวรีบทำตามคำสั่ง ก่อนจะส่งทั้งปากกาและกระดาษคืนให้กับลุงตรงหน้า
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณลุง”
“ขอบใจมากแม่หนู ลุงไปล่ะ”
ลุงไปรษณีย์ติดเครื่องมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว หญิงสาวกำลังจะนำเอาซองจำหมายเข้าไปวางไว้ในบ้าน แต่เสียงแหลมแสบหูของน้าราณีของหล่อนก็ดังขึ้นซะก่อน ทำให้อรลออต้องรีบวิ่งเข้าไปหา
“ใครมา...?”
“เอ่อ... ไปรษณีย์ค่ะ เขาเอานี่มาส่ง...” หญิงสาวค่อยๆ ส่งซองจดหมายให้กับผู้หญิงตรงหน้า
ราณีแทบจะกระชากจากมือของหลานสาว ก่อนจะก้มมองด้วยความประหลาดใจ “ใครส่งมานะ... ชื่อผู้ส่งก็ไม่มี...” บ่นอยู่ตามลำพัง ก่อนจะเงยหน้าไปเอ่ยไล่อรลออด้วยความรำคาญ
“จะไปไหนก็ไปสิ มายืนเสนอหน้าอยู่ได้ ไป๊!”
หญิงสาวรีบวิ่งออกมาจากบ้านแทบไม่ทัน พลางถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยล้ากับเหตุการณ์เลวร้ายที่ตนเองต้องเจอะเจออยู่แทบจะทุกนาที
